ฉันเอง..เที่ยวภูกระดึง

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กลอน รักๆๆ





กลอนรัก

ฉันรักใครไม่ง่ายนัก แต่ก็รักเธอได้ไม่ยาก

พูดออกไปใจตรงกับปาก รักเธอมากกว่าใครๆ

..........................................................

รักกันง่ายๆ สบายดีออก ไม่จำเป็นต้องบอกว่ารักก็ได้
ขอแค่รู้สึกลึกๆ ข้างใน ขอแค่จริงใจมีให้ก็พอ

..........................................................


ยิ่งรู้จักยิ่งรักมาก และยิ่งอยากอยู่ชิดใกล้
ยิ่งพูดคุยยิ่งถูกใจ ใช่แล้วเธอคนในฝัน

..........................................................

แค่เห็นเธอก็ใจสั่น แค่จ้องกันใจก็หวิว
แค่สบตาก็เหมือนเป็นตะคริว แค่นี้ก็รู้แล้วว่าชอบเธอ

..........................................................


เธอคือคนสำคัญคนหนึ่ง เธอคือหนึ่งในดวงใจ
เธอมีความห่วงใยให้กันและกัน เธอคือใครคนนั้นที่ฉันรักมากมาย





........................... กลอนรัก ..............................

อยากพบอยากเจออยากทัก อยากรักอยากห่วงอยากหา
คิดถึงจึงได้โทรมา อยากบอกว่ารักเธอสุดหัวใจ

..........................................................


เมื่อแรกพบคิดกับเธออยากรู้จัก คบสักนิดก็สนิทกลายเป็นเพื่อน
ดูๆไปหัวใจมันย้ำเตือน อยากจะเป็นมากกว่าเพื่อนคือรักเธอ

..........................................................

รู้ไหมว่ามันยาก ในใจมันลำบากแค่ไหน
กับการที่ต้องบอกเธอออกไป ให้รู้ความในใจว่า I love you

..........................................................


บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน เธอมีอะไรสำคัญกว่าใครคนไหน
ทุกเวลานาทีที่ผ่านไป ใจจึงไม่เคยลืมเธอได้เลย

..........................................................


อยากโปรยรักขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอจะได้รู้ว่ามันมากแค่ไหน
ให้เธอได้เก็บมันไว้ แม้จะอยู่ไกลก็จะเหมือนใกล้กัน

..........................................................

ความรักที่ฉันมี ความรู้สึกดีๆที่ฉันให้
ไม่อาจคำนวณได้เป็นค่าใด เพราะมันมากมายเหลือเกิน

..........................................................

หากวันใดที่เธอไม่มีใคร ให้เธอรู้ไว้ยังมีฉัน
หากวันใดเธอพ่ายแพ้หมดเพลิง ให้รู้ว่าฉันยังอยู่ใกล้ๆเธอ

..........................................................

ร.เรือแล่นไปบนสายน้ำ ไม้หันอากาศบินร่อนบนเวหา
ก.ไก่ค่อยๆเดินตามหลังมา แล้วอ่านว่า รัก ซึ่งคำนี้ฉันให้เธอ

..........................................................


อยากเป็นอุลตร้าแมนมีแก้มแดงใสๆ
แล้วเธอล่ะอยากเป็นอะไร
เป็นสัตว์ประหลาดดีไหม
จะได้เจอกันทุกตอน ^^

..........................................................


อยากรักเธอเท่าฟ้า แต่ก็ไม่รู้ว่าฟ้ากว้างแค่ไหน
เอาเป็นว่ารักเธอหมดหัวใจ และไม่เคยรักใครเท่าเธอ

..........................................................


อาจจะมีบ้างบางเวลา ที่เกิดหายหน้าหายตาห่างกันไป
แต่ก็ยังรับรู้อยู่ใช่ไหม ว่าในใจยังเหมือนเดิม

..........................................................

บนท้องฟ้ามีดวงดาว ในเมืองลาวมีข้าวเหนียว
ในกะทะมีไข่เจียว ใจดวงเดียวฉันมีให้เธอ



........................... กลอนรัก ..............................


รักเธอจนใจจะขาด ถึงจระเข้ฟาดหางยังทนไหว
ไมค์ไทสันกัดหูไม่เป็นไร ถึงยังไงใจฉันก็รักเธอ

..........................................................

แม้เรื่องราวจะจบลงที่ความว่าเพื่อน จะไม่เอื้อนและไม่เอ่ยคำใดๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากเธอไว้ ยังห่วงใยและรักเธอเสมอมา

..........................................................

เป็นดอกไม้ในใจใครฉันไม่ว่า
เป็นดอกฟ้าในใจใครฉันไม่หวั่น
เป็นไม้งามในใจใครไม่สำคัญ
เป็นดอกรักในใจฉันเท่านั้นพอ

..........................................................


อยากเขียนคำว่ารักตัวใหญ่ๆ
อยากอภิบายความในใจให้เธอรู้
ว่ามีใครคนหนึ่งแอบมองเธออยู่
อยากให้รู้ว่ารักเธอ

..........................................................

เก็บความรักไว้ให้ เก็บความห่วงใยห่วงหา
เพียงแค่หวังไว้ตลอดเวลา ว่าวันหนึ่งเธอคงเข้าใจ

..........................................................


ให้ฉันรักเธอได้ไหม ไม่เคยมีใครทำให้ฉันรู้สึกอย่างนี้
ให้ฉันรักเธอได้ไหมคนดี เพราะหัวใจดวงนี้ไม่เคยมีใคร

..........................................................


อยากทักทายเป็นภาษาต่างดาว
อยากเว่าภาษาลาวว่า ฮักเหลือหลาย

อยากบอกว่า ไอชิเตะ อิรุโยะ ไปจนตาย
แต่ว่าขี้อายเกินไป เลยได้แค่เก็บไว้คนเดียว

..........................................................

สินเชื่อเพื่อความรัก ต้องฟูมฟักด้วยความจริงใจ
คิดดอกเบี้ยตามความเอาใจใส่ และปล่อยเงินกู้ให้เธอคนเดียว

..........................................................

จะเป็นยาแดงเมื่อเธอล้ม จะเป็นพารากลมๆเมื่อเธอมีไข้
จะเป็นชวนป๋วยเมื่อเธอไอ เรียกได้ 24 ชม.

..........................................................

ชอบคนคิดอะไรทันกัน เพราะฉันไม่ชอบย่ำอยู่กับที่
มาเจอเธอก็รู้สึกแปลกๆดี บอกกับตัวเองว่าคนนี้ใช่เลย

..........................................................

ใครจริงใจมาก็จริงใจไป และจะได้สุดๆจากฉันเสมอ
ฉันมันก็แค่ผู้หญิงเซอร์ๆ อย่างดีก็มีแค่รักให้เธอเต็มหัวใจ



........................... กลอนรัก ..............................

ถ้าจะถามว่าชอบเธอตรงไหน คงบอกไม่ได้ง่ายๆ
อาจเป็นเพราะความงดงามในใจ ที่เธอคล้ายๆว่าจะมี

..........................................................


หนึ่งลมหายใจนี้ ขอแทนสัญญาที่จะมีให้
แทนคำพูดมากมายในใจ แทนรู้สึกลึกไว้ในแววตา

..........................................................


ไม่จำเป็นสำหรับคำหวาน ไม่ต้องมาพบพานทุกวันก็ได้
ความรักขึ้นอยู่กับหัวใจ คำหวานใดๆก็ไม่สำคัญ

..........................................................

ทุกจังหวะของหัวใจ มันบอกว่าห่วงใยห่วงใยนัก
ได้ยินไหมเสียงดัง รักๆ มันคึกคักกว่าร็อคแอนด์โรล

..........................................................


อยู่ไกลกันตั้งขนาดนี้ กลัวเธอจะไปมีใครคนใหม่
คำสัญญายังจำได้หรือเปล่า คนไกลที่บอกว่าจะฝากใจไว้ให้กัน

..........................................................

เวลาอาจเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
ดีขึ้นบ้างเลวลงบ้างตามประสา
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนผันตามกาลเวลา
ก็คือหัวใจที่ห่วงหาเพียงแต่เธอ

..........................................................

รักเธอเข้าแล้วสิ เต็มหัวใจดวงนี้เลยรู้ไหม
ไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่เมื่อไร กว่าจะแน่ใจก็รักเธอเต็มหัวใจซะแล้ว

..........................................................

ถ้าฉันสร้างปาฏิหาริย์ได้ จะภาวนาให้โลกหยุดหมุน
จะได้อยู่ในอ้อมกอดอุ่น และสบตากับเธอไปตลอดกาล

..........................................................

วันนี้ได้พบหน้า รู้สึกเลยว่าโลกแจ่มใส
แปลกจริงที่คนบางคนทำไม ช่างมีอิทธิพลต่อหัวใจของใครบางคน






























ข่าวดารา ร้อนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



ข่าวดารา ร้อนๆๆๆๆๆๆๆ










ประวัติศาสตร์ช่อง 7 สี

ตั้งแต่มีการเซ็นสัญญาดาราเข้าสังกัดทำงานแล้ว ไม่เคยประกาศไม่ต่อสัญญาใครกับสื่อ ''พิงค์กี้-สาวิกา'' แจ็กพอตแตกโดนเป็นคนแรกและก่อนหน้านี้เพิ่งมีแค่รายเดียวคือ ''เบนซ์-มนัญญา ที่ทางวิกไม่ต่อสัญญาแต่เก็บเป็นความลับ ไม่แจ้งให้สื่อรับรับรู้
จากกรณีที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ต้นสังกัดของนางเอกสาว ''พิงค์กี้'' สาวิกา ไชยเดช ส่งข่าวยืนยันกับสื่อมวลชนแล้วว่า
ทางช่องตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญาให้พิงค์กี้เป็นดาราในสังกัดอีกแน่นอนแล้วหลัากสัญญาฉบับเก่าที่เซ็นเอาไว้จะสิ้นสุดลงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ขณะเดียวกันก็มีรายงานข่าว จากค่ายทีวีซีนของ ''เจ๊ปิ่น'' ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์ ผู้จัดละครทางช่อง 3 ออกมาว่า เวลานี้มีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้วที่พิงค์กี้จะมาร่วมงานกับทางช่อง3 โดยทางค่ายทีวีซีนได้เตรียมละครไว้ให้เล่นเรื่อง ''เงาพราย''ประกบกับพระเอกหล่อทะเล้นอย่าง ''หนุ่ม'' ศรราม เทพพิทักษ์ ในขณะที่ทางช่อง 3ก็เตรียมละครเอาไว้ให้หนึ่งเรื่องประกบกับพระเอกอย่าง ''อั้ม'' อธิชาติ ชุมนานนท์ซึ่งเป็นอดีตหวานใจคนเก่าตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 53 มีรายงานข่าวระบุว่า การที่ช่อง 7 สี แจ้งให้สื่อมวลชนทราบว่าทางช่องไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่กับนางเอกสาวนัยน์ตาแขก

''พิงค์กี้'' สาวิกา ไชยเดช ก่อนที่สัญญาฉบับเก่าจะสิ้นสุดลงสิ้นเดือนมิถุนายนนี นับว่าเป็นดาราคนแรกในประวัติศาสตร์ช่อง 7 สี นับตั้งแต่มีการเซ็นสัญญาดารามาเป็นเด็กในสังกัดของช่อง

ทั้งนี้ ''พิงค์กี้'' ถือเป็นดาราในสังกัดรายที่ 2 ที่ทางช่อง 7สีเป็นฝ่ายไม่ต่อสัญญาด้วย โดยก่อนหน้านี้ ''เบนซ์'' มนัญญา ตริยานนท์คือดารารายแรกที่ทางช่อง 7 สี ไม่ต่อสัญญาด้วย อย่างไรก็ตามการไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่ให้กับเบนซ์แตกต่างกับการที่ไม่ต่อสัญญาให้กับพิงค์กี้ คือ เมื่อครั้งที่ทางช่องไม่ต่อสัญญากับเบนซ์นั้นทุกอย่างถูกเก็บเป็นความลับ ทางช่อง 7 สีไม่มีการให้ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวกับสื่อมวลชน ส่วนการไม่ต่อสัญญาให้กับพิงค์กี้ ทางช่อง 7สี ส่งข้อมูลชี้แจงข้อเท็จจริงกับสื่อทันทีที่ได้บทสรุปชัดเจน
ขาดก็แต่เพียงการชี้แจงว่า เพราะเหตุผลกลใด ทางช่อง 7 สี
ถึงมีบทสรุปไม่ต่อสัญญากับช่อง 7 สี
ทั้งนี้รายงานข่าวระบุต่อไปว่า การที่พิงค์กี้ ตกเป็นข่าวฉาวมีชื่อเข้าไปพัวพันกับครอบครัว ''เป๊ก'' สัณชัย เองตระกูล กับ
''ธัญญ่า-ธัญญาเรศ'' นั้นน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญมากส่วนหนึ่ง แม้ที่ผ่านมาทางฝ่าย พิงค์กี้ ฝ่าย เป๊ก และธัญญ่า ออกมาเปิดใจชี้แจงข้อเท็จจริงกับสื่อจนเคลียร์ขึ้นบ้างแล้วก็ตาม ที่สำคัญแม้ทางช่อง
7 สี จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของดาราในสังกัด ที่ตกเป็นข่าวแต่ถ้าเรื่องหรือข่าวที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อสังคม ก็ต้องมีการเรียกตัวดารามาตักเตือน เมื่อเรียกมาพูดคุยแล้ว ยังไม่แก้ปัญหาให้คลี่คลาย หรือปรับปรุงตัวใหม่ก็ต้องมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรดี ซึ่งรายของพิงค์กี้ นับว่าเป็นแรกที่โชคร้าย นอกจากทางช่องไม่ต่อสัญญาแล้ว ยังแจ้งให้สื่อมวลชนโดยทั่วไปทราบอย่างเปิดเผยด้วย

******* ไม่รู้คาสโนว่าตัวพ่อ หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย จะแอบเคืองดีเจจอมแฉ มดดำ-คชาภา ตันเจริญ รึเปล่าที่อยู่ๆ มดดำ ดันเผลอหลุดปากเมาท์ว่า หนุ่ม เตรียมวิวาห์สาว เมย์ เฟื่องอารมย์ ในเดือน ต.ค.นี้ กลางงานบวงสรวงภาพยนตร์เรื่องใหม่ หอแต๋วเจิดเตลิดแตก

กลับมาเล่นหนังอีกแล้ว เรื่องนี้รับบทเป็นอะไร? "เอาตรงๆยังไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ก็ตั้งแต่ครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ยังไม่รู้ว่ายอมรับมาเล่นได้ยังไง (ยิ้ม) ตอนแรกจะจบตั้งแต่เการักที่เกาหลีแล้วเพราะมันโหดเหลือเดิน กลับมาพี่พจน์ก็บอกว่าอะ มดเล่นหน่อยละกัน ทำไปทำมาก็ชวนพี่หนุ่มมาเล่นด้วย ไอ้เรื่องแต่งหญิงคงไม่ใช่มดดำแต่งฮะ คงเป็นกรรชัย กำเนิดพลอย แต่ง" ไปคุยกับพี่หนุ่มยังไงเรื่องแต่งหญิง? "ก็ไหนๆโก๊ะมาแล้ว ตุ๊กกี้ก็ 50-50 อยู่ ไม่รู้เวิร์คพอยท์จะปล่อยมารึเปล่า ส่วนพี่หนุ่มเขาอยากลองทำอะไรสนุก ๆ" แต่มดดำไม่แต่งหญิงแน่นอน? "ไม่แต่งหรอก ให้พี่หนุ่มทำแล้วกัน ไม่ใช่มดดำอะ คุณกรรชัยเป็นคนที่เสนอตัวเองที่จะแต่งหญิง เขาเสนอเองว่าอยากทำจริงๆ" มีแนะนำอะไรพี่หนุ่มมั้ย? "พี่หนุ่มต้องแนะนำมดดำดีกว่ามั้ย มดดำแนะนำเขาคงไม่ได้หรอก ยังไม่รู้บทอะไรเลย" พี่หนุ่มจะลองก่อนแต่งงานใช่ไหม? "จะได้แต่งเหรอ ก็เดือน ต.ค.ใช่มั้ย ได้แต่ง ต.ค.ก็ดีแหละพี่หนุ่ม ก็น่าจะทำอะไรสนุกๆแหละ" แล้วมดดำไม่แต่งล่ะ? "เอาไว้ก่อนมั้ยอ่ะ คงยังไม่ถึงเวลา อีกซักแป๊ปนึง"





*********ปอย-ตรีชฎา แจงผู้ชายเข้าออกบ้านตนแค่เพื่อนเกย์ มีคนเห็นผู้ชายเดินเข้าๆออกๆบ้านปอย? "โอ๊ย ปอยว่าคนตาดีคนนั้นเห็นเพื่อนเกย์ของปอยมีเพื่อนเกย์และมี ผจก.ที่เข้ามารับปอยไปทำงานทุกวันน่ะค่ะ เขาจะมารอที่บ้านก่อน เขานั่งแท็กซี่มาแล้วไปรถปอย ไม่ใช่ผู้ชายแล้วค่ะ เป็นเกย์ค่ะ" ไม่ใช่เอ็มใช่มั้ย? "คือเขาเคยมาที่บ้าน แต่มากลางวันไม่เคยมากลางคืนค่ะ" ความรักเป็นไงบ้าง?"ตอนนี้เหรอ ก็มีความสุขดี (ยิ้ม)" เขาให้กำลังใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงบ้าง? "เขาโมโห เขาก็กลัวค่ะเพราะเราบังเอิญฟังโฟนอินทางวิทยุพอดี ตัวคนนั้นเขาพูดว่าเขามีสาวประเภท 2 รุ่นพี่คนนึงที่ไม่ชอบปอยเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อปอยนะ แล้วพี่คนนั้นถามว่าจะเอามีดหรือเอาน้ำกรด ปอยฟังก็ค่อนข้างกลัวนะ เหมือนเราไม่ได้ทำอะไร เอ็มฟังก็ตกใจ เขาก็โกรธ" เปิดตัวคบเอ็มแล้วเป็นยังไงบ้าง? "ก็เป็นเรื่องปกติที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เขาก็ให้กำลังใจว่าอย่าคิดมากเลย เขาให้กำลังใจดีมากกว่าตัวปอยอีก พ่อแม่เขาก็เล่าให้ปอยฟังว่าญาติๆพี่น้องช่วยกันปกป้องพวกเรา แต่เท่าที่ดูส่วนใหญ่ก็ไม่มีคนว่าอะไรมากมายค่ะ อย่างที่บอกเราไม่ได้เปิดตัว แต่บังเอิญเขามา ก็มีคนชวนให้เขาไปถ่ายแบบเดินแบบ แต่เขาไม่ไปเลย เขาไม่ได้อยากเกาะเราดังค่ะ" แต่ก็มีกระแสในแง่ลบที่ปอยคบเอ็มเหมือนกัน? "น้อยค่ะ คือคนทุกคนคบกันมีกระแสทางลบอยู่แล้ว ถ้าเรามองเป็นส่วนน้อย แล้วเราเห็นว่าคนรอบข้างเข้าใจ แล้วเราไม่ได้พาไปทางที่ไม่ดี เราก็ไม่ต้องกลัวอะไรเลย".








บอลโลกทีมอาร์เจนติน่า

ทีมอาร์เจนติน่า



ดาวยิงที่สุดยอด



นักเตะทีมอาร์เจนติน่า






กองน่าที่ยอดเยี่ยม



ก่อตั้ง : ปี 1893
ผ่านเข้าฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย : 13 ครั้ง (1930, 1934, 1958, 1962, 1966, 1974,1978, 1982, )
ผลงานสูงสุดในฟุตบอลโลก : แชมป์โลก 2 สมัย (1978, 1986), รองแชมป์โลก 2 สมัย (1930, 1990)
เกียรติประวัติระดับทวีป : แชมป์โคปา อเมริกา 14 สมัย (1921, 1925, 1927, 1927, 1937, 1941, 1945, 1946, 1947, 1955, 1957, 1959, 1991, 1993), แชมป์แพนอเมริกา 6 สมัย (1951, 1955, 1959, 1971, 1995, 2003)

ประวัติทีมชาติ

อาร์เจนติน่า อีกหนึ่งยอดทีมจากอเมริกาใต้ ที่จัดได้ว่าเป็นทีมระดับโลก โดยมีอดีตนักเตะระดับตำนานของโลก อย่าง ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า เป็นหน้าเป็นตาในระดับที่สามารถเทียบชั้นได้กับ เปเล่ ของ บราซิล

อย่างไรก็ตามผลงานของ อาร์เจนตินา ในช่วงหลังๆ ยังถือว่าด้อยกว่าคู่ปรับตลอดกาลอย่าง บราซิล อยู่พอสมควร โดยในช่วงแรกๆของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ ปรากฏว่าทีม "ฟ้า-ขาว" มีปัญหาอยู่หลายอย่าง จนกระทั่ง มาร์เซโล่ บิเอลซ่า กุนซือคนก่อน อดรนทนไม่ไหว ลาออกจากตำแหน่งไป แบบไม่มีใครคาดคิด ทำให้ทาง สหพันธ์ฟุตบอลอาร์เจนตินา ต้องแต่งตั้ง โฮเซ่ เปเกร์มัน เข้ามารับตำแหน่งกุนซือทีม "ฟ้า-ขาว" โดยมีภารกิจสำคัญคือพา อาร์เจนตินา กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังโลก

เปเกร์มัน พาทีม อาร์เจนตินา ตีตั๋วมาเล่นฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน ได้เป็นทีมแรกของโซนอเมริกาใต้ ด้วยการเอาชนะ บราซิล 3-1 ท่ามกลางแฟนบอลมหาศาลของตนเองที่กรุงบัวโนสไอเรส แต่ภารกิจของเขามันไม่ได้ส้นสุดลงแค่นั้น เขายังต้องพาอาร์เจนตินา ทำผลงานให้ดีที่สุดในการลงโชว์ฝีเท้าที่เยอรมัน

อาร์เจนตินา ทำได้ 34 คะแนน ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ โดยมีคะแนนน้อยกว่าในรอบคัดเลือกครั้งก่อน (ฟุตบอลโลก 2002) 9 คะแนน และจบการแข่งขันด้วยการเป็นอันดับ 2 ของโซนนี้ ซึ่งมี บราซิล เป็นอันดับ 1 และนี่เป็นครั้งแรกที่ อาร์เจนตินา ไม่ได้จบรอบคัดเลือกด้วยการเป็นแชมป์ของโซนอเมริกาใต้ นับตั้งแต่รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1994 ที่ สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพรอบสุดท้าย

ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ อาร์เจนตินา มีสถิติ ลงแข่ง 18 นัด ชนะ 10 นัด เสมอ 4 และ แพ้ 4 นัด ทำได้ 29 ประตู เสียไป 17 ประตู เป็นรอง บราซิล ด้วยลูกได้/เสีย เท่านั้น นอกจากนั้น อาร์เจนตินา ยังรักษาสถิติไม่แพ้ใครในบ้านของตนเองซึ่งยาวนานมาถึง 12 ปี เอาไว้ได้ และบุกไปเอาชนะ โบลิเวีย ที่ ลา ปาซ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี แถมยังตีตั๋วไปเยอรมัน ได้แบบสะใจด้วยการเอาชนะคู่ปรับตัวฉกาจ อย่าง บราซิล

อย่างไรก็ตาม อาร์เจนตินา ต้องพ่ายแพ้ให้กับ ปารากวัย เป็นครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก นอกจากนั้นยังต้องพบกับความพ่ายแพ้ให้กับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อุรุกวัย เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี อีกด้วย

หน้าประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้ว่า ในฟุตบอลโลก ปี 1990 ที่ อิตาลี เป็นเจ้าภาพ อาร์เจนตินา เคยมีโอกาสคว้าแชมป์โลก 3 สมัย เท่ากับ บราซิล คู่ปรับตัวฉกาจ ซึ่งในเวลานั้นก็ยังมีสถิติคว้าแชมป์โลกมาครองได้ 3 สมัย และถ้าพวกเขาทำได้ มาราโดน่า ก็จะยิ่งมีรัศมีความยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับ เปเล่ ยิ่งกว่านี้อีก แต่น่าเสียดายที่ อาร์เจนตินา ไม่ไม่ถึงฝั่งฝัน เมื่อพลาดท่าพ่าย เยอรมันตะวันตก ในรอบชิงชนะเลิศ 0-1 โดย ทีม "อินทรีเหล็ก" ยุคนั้นมี ฟรานซ์ เบ็คเค่นเบาเออร์ เป็นกุนซือ และมีทหารเอก อย่าง โลธ่าร์ มัทเธอุส เป็นตัวชูโรง

อีก 4 ปี ต่อมา มาราโดน่า นำทัพนักเตะ "ฟ้า-ขาว" มาแก้ตัวอีกครั้งในฟุตบอลโลก 1994 ในดินแดนแห่งเสรีภาพที่ชื่อว่า อเมริกา ท่ามกลางความสนใจจากผู้คนทั่งพิ้นพิภพโลกา แต่แล้ว มาราโดน่า ก็โดนขับออกจากการแข่งขัน เมื่อไม่ผ่านการตรวจสารกระตุ้นในร่างกาย และนั่นก็คือโอกาสสุดท้ายของ มาราโดน่า กับฟุตบอลโลก หลังจากที่พี่เบิ้มในทีมอย่าง "เสือเตี้ย" จบเห่ไปแล้ว หลังจากนั้นทีม "ฟ้า-ขาว" ที่มี อัลฟิโอ บาซิเล่ เป็นกุนซือ ก็จบเห่ตามไปด้วย

ฟุตบอลโลก ครั้งต่อมาที่ ฝรั่งเศส ในปี 1998 อาร์เจนตินา กลับมาสร้างสีสันอีกครั้ง โดยเฉพาะในนัดที่พวกเขาเอาชนะพลพรรค "สิงโตคำราม" อังกฤษ ไปได้ ด้วยการดวลจุดโทษ ในรอบที่สอง โดยที่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่
ยั่วประสาท เดวิด เบ็คแฮม จนตบะแตกโดนใบแดงไปอีกด้วย แต่ทีม "ฟ้า-ขาว" ก็มาตกม้าตาย ด้วยน้ำมือของ ฮอลแลนด์ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยประตูสุดคลาสสิคของ เดนนิส เบิร์กแคมป์

อาร์เจนตินา มาพบกับความผิดหวังแบบสุดๆ ในฟุตบอลโลก 2002 ที่ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เมื่อกระเด็นตกรอบแรกไปแบบแฟนบอลช็อกตาตั้ง โดยทีม "ฟ้า-ขาว" ชุดนั้น มี มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เป็นกุนซือ แต่แม้ว่าจะพาทีมชาติอาร์เจนตินา ตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2002 แต่ ผู้หลักผู้ใหญ่ในสหพันธ์ฟุตบอลอาร์เจนตินา ก็ยังไว้ใจให้ บิเอลซ่า ทำทีมต่อไป และ บิเอลซ่า ก็แก้ตัวได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการพาทีม "ฟ้า-ขาว" เป็นรองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ หรือ โคปา อเมริกา ปี 2004 และพาทีมคว้าเหรียญทองกีฬาโอลิมปิก 2004 มาครองได้ ซึ่งนับการคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก ได้เป็นครั้งแรก สำหรับทีมลูกหนังของอาร์เจนตินา

อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด บิเอลซ่า ก็ลาออกจากตำแหน่งไปซะงั้น ทำให้ เปเกร์มัน ได้รับโอกาสมาคุมทีมบ้าง แม้ว่า เปเกร์มัน จะไม่ได้มีชื่อเสียงมาจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน แต่เขาก็เอาชนะใจสหพันธ์ฟุตบอลอาร์เจนตินา ด้วยผลงานการคุมทีมระดับเยาวชนมาก่อน โดย เปเกร์มัน เคยพาทีมเยาวชนของ อาร์เจนตินา คว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์โลก มาแล้วถึง 3 ครั้ง และปลุกปั้นนักเตะเยาวชนขึ้นมาโด่งดังเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชุดใหญ่ไปมากมายหลายคน

แม้ว่าทีมชาติอาร์เจนตินาชุดนี้ จะไม่มีจอมทัพระดับตำนานอย่าง มาราโดน่า หรือว่าไม่มีนักเตะที่โดดเด่นเป็นสง่ามากมายอะไรนัก อย่างที่เราเคยพบเห็นในยุคก่อนนี้ เพราะแม้แต่นักเตะจอมทัพของทีมอย่าง ฮวน
โรมัน ริเกลเม่ ก็ยังอยู่แค่ทีมสโมสรธรรมดาๆอย่างบียาร์รีล หรือกองหน้าตัวความหวังอย่าง เฮอร์นัน เครสโป ก็เป็นแค่ตัวสำรองที่ เชลซี แต่นี่อาจจะกลายเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ทีม "ฟ้า-ขาว" ชุดนี้ เล่นกันเป็นทีมเวิร์คมากขึ้นอย่างที่เราๆท่านๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน และถ้าทีมใดกล้าบังอาจจะประมาท ทีม "ฟ้า-ขาว" รับรองว่ามันผู้นั้นมีสิทธิ์น้ำตกตกแน่นอนครับท่าน













รถโบราณยอดฮิต














รถเวสป้า

ตอนสิ้นสุดสงครามโรงงานส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะผลิตอะไรได้ถนนและรางรถไฟถูกทำลายเรือต่าง ๆ ถูกทำลาย Tuscany มีร่องรอยมากมายจากสงครามรวมทั้งโรงงานของ Piaggio ที่เมือง Pontedera"Piaggio ถูกตั้งที่ Seastri Ponente ในเมืองเจนัวประเทศอิตาลีในปี ค.ศ.1881และเจริญเติบโตจนประสบผลสำเร็จภายใต้การผลักดันของ Rinaldo Piaggio ลูกค้าของ Enrico ผู้ทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนของเรือด้วยความตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมทางเทคโนโลยี Rinaldo พยายามขยายส่วนของเขาออกไปจากการผลิตส่วนประกอบเรือ เขาจึงคิดเริ่มผลิตรางรถไฟ รถไฟ ปีค.ศ.1917 เขาได้เข้าทำกิจการต่อจากคนอื่นในการทำโรงงานผลิต เรือเร็วที่ Finale Ligune and Pisa ขณะที่มีสงครามลูกชายของเขาสองคนคือ Anmando และ Enrico ได้แบ่งกัน ทำธุรกิจ Anmando ควบคุม และจัดการ โรงงานที่ Sestri and Finale ส่วน Enrico ดูแลโรงงาน Tuscan ของ Pisa และPontedera หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 เหลือแต่โรงงาน Finale Ligure และบางส่วนของ SestriGenoa เท่านั้นความคิดดั้งเดิม Enrico จึงได้ตัดสินใจที่จะหยุดการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินที่ยาก และเป็น งานซับซ้อนหันมาผลิตเครื่องยนต์แบบง่ายในแบบ Four - Part P 108 ให้กับรถเวสป้า ที่โรงงาน Pontedera ซึ่งเคยผลิต radial engine (สำหรับเครื่องบิน) ซึ่งทำลายสถิติที่ทำไว้แล้ว 21 ครั้งก่อน นาย Enrico ยังเห็น ภาพการปรักหักพัง ที่เกิดขึ้นสงครามติดตาอยู่เขาเข้าใจว่าการจะแข่งขันกับ North American Company เป็นเรื่องยาก เขาจึงคิดที่จะนำคนงานที่เคยเป็นหัวหน้าคนงานคนนั้นกลับมาด้วยการที่มีเครื่องยนต์ พิเศษเหลืออยู่เพียงน้อยนิด จึงเกิดความคิดที่สร้างยานพาหนะเล็ก ๆไว้เดินทางขนส่งและสำรวจใน โรงงานคือ MP5 หรือโดนัลดัค ซึ่งในรุ่นนี้ทำจากซากชิ้นส่วนของเครื่องบินดังนั้นรูปร่างมันจึงมีความน่าเกียจมากกว่าน่ารักอย่างเดียวกับที่พวกคนงานในโรงงาน เรียกเพราะมันมีรูปร่างแปลก ๆ มันคือ Scooter รถจักรยานยนต์คันเล็ก ๆ ที่มีล้อต่ำ ๆ ช่วยต่อการขับขี่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและราคาไม่แพง Enrico เห็นว่ารถจักรยานยนต์ใหม่ของเขาจะต้องทำให้คนอิตาลีหันมาขี่กันทั้ง ประเทศอิตาลีทั้งๆที่ประเทศอิตาลียังคงมีแต่ซากปรักหักพังและน้ำมันขาดแคลน CorradinoD'Ascanio ได้เป็นวิศวกรผู้ทำการออกแบบ และในเดือนธันวาคมปีค.ศ.1945.รถเวสป้ารุ่น MP6 ก็ถูกผลิตออกมาด้วย องค์ประกอบหลายอย่างที่สะดวกสบาย มีล้ออะไหล่ซึ่งขับขี่แบบง่ายๆถ้าในเวลาขับขี่รถติดก็มีที่กำบังกันน้ำกระเด็นใส่จึงทำให้ประชาชนในประเทศอิตาลีเริ่มรู้จักรถจักรยานยนต์แบบ Scooter เมื่อ Enrico ได้ฟังเสียงรถ MP6 เขาร้องออกมาว่า"มันเหมือนตัวต่อ ร้องเลย"ตั้งแต่นั้นมา Enrico ก็เลยให้ชื่อเสียงเรียงนามเรียกรถนี้ว่า Vespa ซึ่งแปลว่าตัวต่อในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1946 Piaggio และ บริษัทของเขา ได้หยิบเอา ความคิดที่ดี ออกมาใช้ในการออกแบบ จากนั้นปีต่อ ๆ มาจึงผลิตรถเวสป้าในปีหนึ่งนั้น จะผลิตรถ vespa ออกมาหนึ่งรุ่นถึงสองรุ่น Dott. Enrico Piaggio เกิดเมื่อ 22 ก.พ. 1905 เป็นบุตรชายของ Rinaldo Piaggio จบการศึกษาที่ Genoa ทางด้าน Economic และ commerce เข้าร่วมธุรกิจของครอบครัว ในปี 1928 ตำแหน่งผู้จัดการโรงงาน Pontedena ภายหลังในปี 1938 พ่อของเขาได้เสียชีวิตลง Enrico จึงได้รับภาระบริหารงานทั้งหมด University of Pisa มอบปริญญาเอกทางด้าน วิศวกรรมให้ Enrico เขาเสียชีวิตลงในปี 1965 หลังจากผลิตรถเวสป้า ส่งขายทั่วโลกครบ 1000000 คัน หลังสงครามโลกครั้งที่2 จบลง โรงงานของ Enrico ถูกทำลายจากาการทิ้งระเบิดของเยอรมัน ในช่วงของการฟื้นฟูเศรษฐกิจการต้องการพาหนะที่ประหยัด มีมากจึงทำให้ Enrico เกิดความคิดที่จะนำชิ้นส่วนต่างๆ ในโรงงานนี้มาสร้างพาหนะนั้นนะ ที่มีคุณสมบัติระหว่าง Motorbike กับรถยนต์ในเดือนเมษายนปี 1945 Corradino D’Ascanio นักออกแบบในโครงการนี้ได้ ร่างภาพออกมาตัวถัง ทำจากเหล็ก แผ่นที่มีสันกระดูกกลางใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก 4-5 แรงม้า วางอยู่ตำแหน่งหลังเพื่อป้องกันการสกปรก ไม่เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆๆไปที่นั่งมีบังลมป้องกันเสื้อผ้าและขาและสิ่งหนึ่งที่เขาบุกเบิกคือ การเปลี่ยนเกียร์ ที่คันบังคับจากมือซ้ายและโยงไปยังเครื่อง เมื่อ Enrico ได้เห็นแบบร่างในครั้งแรกเขาตั้งชื่อมันว่า Vespa เพราะมีรูปร่างคล้ายๆๆตัวต่อ (Wasp) Classic Scooter คำว่า "scooter" ที่หมายถึงยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์นั้น มีการให้ความหมายกว้างขวางมาก หลายๆคนมองว่า scooter คือยานยนต์ที่มีล้อขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สีสรรสดใส และราคาประหยัด จุดเด่นของ scooter ก็คือเพื่อตอบสนองผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ทางช่าง scooter มีการวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง จนกระทั่งเริ่มมีการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กราคาถูกออกวางจำหน่าย ความนิยมในการใช้ scooter จึงลดน้อยลงผู้ครองตลาดการจำหน่าย scooter ในช่วงปี 1950 คือ บริษัทของอิตาลี 2 แห่งคือ piaggio และ innocenti ซึ่งเป็นผู้ผลิต vespa และ lambretta ทำให้เป็นที่อิจฉาของ ผู้ประกอบการรายอื่นทั่วโลก ในขนะที่ ยอดจำหน่ายสูงสุดของ scooter จะมีอายุเพียงสองทศวรรษเท่านั้น แต่โดยภาพรวมแล้ว scooter กลับมีอายุยืนนานถึงกว่า80ปี ข้อเขียนนี้เป็นการบรรยายสรุปการผลิต scooter เริ่มตั้งแต่ช่วงปี1900 และปิดท้ายด้วยการคาดการณ์ถึงความ เป็นไปได้ในอนาคตของ scooter จุดกำเนิด scooter (scooter origins) พื้นฐานที่สำคัญของ scooter ต่อสาธารณะก็คือการเป็นยานยนต์ส่วนตัวที่มีราคา ประหยัดจากผลของสงครามโลกทั้งสองครั้ง ผลในทางบวกที่เกิดขึ้นก็คือ การพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บริษัทวิศวกรรมทางการทหารมีการขยายตัวอย่างมาก และเมื่อสงครามสงบ จึงเกิดบริษัทวิศวกรรมหลายๆแห่งที่ไม่ต้องทำการผลิตเพื่อกองทัพอีกต่อไป ดังนั้นบริษัทเหล่านี้จึงหันมามองตลาดยานพาหนะ ส่วนบุคคลแทน หลายๆบริษัทได้หันมาพัฒนาประดิษฐ์กรรมที่ต่อมาเรียกขานกันว่า scooter scooter รุ่นแรกๆนั้น ไม่มีการจำหน่ายในปริมาณมาก สาเหตุอาจเป็นเพราะไม่ได้สนองตอบต่อความต้องการในการเดินทางของผู้คนภายหลังสงคราม และก็เพียงเพื่อ ต้องการให้มีความแตกต่างกับมอเตอร์ไซด์ในยุคนั้นเท่านั้น scooter ในยุคแรกได้รับความนิยมพอสมควร แต่ก็ต้องปิดตัวเองไปในช่วงกลางทศวรรษ 1920 จนกระทั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่สองจึงได้เริ่มทำการผลิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อตอบสนอง ทางการทหาร บริษัทผู้ผลิตในอังกฤษ อิตาลี เยอรมัน และอเมริกา ได้ทำการผลิต scooter แบบธรรมดาๆเพื่อใช้ขนย้ายกองทหารพลร่มและทหารราบ ในอังกฤษมีการผลิตแบบ Welbike ซึ่งสามารถพับเก็บได้ ในอเมริกามีการผลิตแบบ Cushman ฝ่ายเยอรมันก็มี TWN ส่วนอิตาลีก็ทำการผลิตแบบ Volugrafo ซึ่งมีล้อหลังคู่ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ผู้คนเริ่มหันมาต้องการใช้ยานยนต์กันอีก บริษัทผู้ผลิตซึ่งต้องทำงานอย่างหนักในช่วงสงครามจึงมีศักยภาพพอที่จะทำการผลิตได้ ผลที่ตามมาก็คือเกิดการประดิษฐ์ scooter รุ่นที่สอง ในอิตาลี บริษัท Piaggio ซึ่งบริษัทผู้สร้างเครื่องบินในสมัยนั้นถูกห้ามทำการผลิตในปี 1945 ดังนั้นทางบริษัทตึงหันมาผลิต scooter ขนาดเล็กที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบชั้นเดียวแทน หลังจากผลิตรถรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 100 คัน จากนั้นจึงลงมือผลิตรุ่นที่ใช้ชื่อว่า Vespa (Wasp) ออกมารถรุ่นนี้มีความก้าวหน้ามากทั้งในด้านรูปทรงและด้านวิศวกรรม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของVespa ที่มีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจนถึงกลางทศวรรษ1990 scooter รุ่นแรกที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 98cc.ต่อมาได้มีการพัฒนา ให้มีขนาด 125cc. 150cc.และ 200cc. ตามลำดับ ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ Innoncenti แห่งมิลาน ได้ทำการเปิดตัวสินค้าด้วย Lambretta M (ต่อมาใช้ชื่อใหม่เป็น Model A)ออกมาในปี 1947 Lambretta ผลิตโดยใช้ตัวถังแบบเปิด(openframe) ทรงหลอด และไม่มีระบบป้องกันสภาพอากาศที่ดีนอกจากนั้นก็ไม่มีระบบกันกระเทือนอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องอาศัยยางในล้อช่วยลดการกระแทก หลังจากนั้นไม่นานLambretta จึงทำการผลิตรุ่น B ออกมาแทน จากจุดนี้เอง ทั้ง Lambretta และ Vespa จึงได้ทำการแข่งขันกันอย่างหนัก เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในการตลาด อย่างไรก็ตาม Lambretta ยังยึดรูปแบบทรงหลอดอยู่ แต่ในบางครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบขับเคลื่อนด้วยเพลาไปใช้ระบบโซ่ หรือบางทีก็สลับกัน ส่วนทางด้าน Vespa นั้นก็ยังยึดระบบตัวถังแบบเหล็กชิ้นเดียวครอบตัวเครื่อง และติดตั้งระบบเกียร์ไว้ใกล้ๆกับล้อหลัง การแข่งขันของทั้งสองบริษัทนี้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแม้กระทั่งในปัจจุบัน ผู้ใช้ scooter ก็ยังแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน ต้นทศวรรษ 1950 ทั้ง Vespa และ Lambretta สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้มากชนิดที่วงการรถสองล้อไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นผลให้ผูผลิตรถจักรยานยนต์ และยานยนต์ชนิดต่างๆ เกิดการแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นผู้ผลิตบางรายจะเน้นที่รูปแบบและเครื่องยนต์ สำหรับบางรายยกเครื่อง scooter ใหม่หมด โดยการเปลี่ยนยานยนต์แบบประหยัด ให้กลายมาเป็นยานยนต์แบบเริดหรูและก้าวไกล ตลาดในขณะนั้นไม่สามารถรองรับความหลากหลาย ของสินค้าได้ทั้งหมด ทำให้สินค้าบางตัวมีอายุสั้นมาก แม้จะเป็นสินค้าชั้นยอดก็ตาม สินค้าชั้นดีหลายๆชนิดไม่ประสบผลสำเร็จทางธุระกิจเลย จุดตกต่ำของ scooter เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 เมื่อผูบริโภคหันหลังไปนิยมใช้รถยนต์ขนาดเล็กที่มีราคาถูก เช่น Fait 500 และ Fait Mini เป็นต้น ทั้งนี้เพราะป้องกันฝน และอากาศหนาวได้ดีกว่า ส่วนผู้ซื้อ scooter จะมีก็เพียงสมาชิกชมรมต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ในทศวรรษ 1990 scooter ของยุโรปยังมีหลงเหลือให้เห็นได้พอสมควร ทว่าในปัจจุบันผู้ผลิตของญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอิตาลี กำลังทำการผลิต scooter รุ่นที่สามออกมา โดยมีรูปทรงและภาพพจน์ที่สะดวกสบายต่อการขนส่ง มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และเสริมสีสรรที่โฉบเฉี่ยวเพื่อดึงดูดลูกค้าวัยรุ่นฐานะปานกลาง จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าอนาคตของ scooter





สมุนไพรเพื่อความงาม





















สมุนไพรเพื่อความงาม

หากพูดถึง “ความงาม” แล้ว คุณผู้หญิงหรือท่านผู้ชายก็คงจะไม่ปฏิเสธว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัจจัยอื่นในการดำรงชีวิต แต่ถ้าเราจะมองกันไปแล้ว “ความงาม” นั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อตัวของเรามีสุขภาพจิตและสุขภาพกายดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน โดยปกติสุขภาพจะดีมาก-น้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม การรับประทานอาหาร และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข เมื่อร่างกายกินได้ ถ่ายคล่อง ผิวพรรณดี และสุขภาพแจ่มใส ” ความงาม” ก็จะบังเกิดขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย

สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวหน้า
ใบหน้า คือ ด่านแรกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจของผู้พบเห็น แต่หลายๆคนกำลังประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบสวย เพราะเม็ดสิวและรอยแห้งกร้านด้วยจุดด่างดำของกระและฝ้า จนต้องเสียเงินทองมากมายเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม หรือหาซื้อยามารักษา จึงอยากแนะนำให้ใช้สมุนไพรพืชผักและผลไม้ที่มีอยู่ทั่วไป แต่มีคุณประโยชน์มากมายทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นผ่องใสอ่อนไวอยู่เสมอ

1. ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle)
คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย

การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว

นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้

2. งา (Sesamum indicum Linn. S. orientle. L)
เป็นพืชล้มลุก ให้เมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดงามีทั้งสีดำ และสีขาว ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ ประมาณ 45-54% น้ำมันงามีกลิ่นหอมน่ารับประทาน วิธีใช้ โดยการนำเอาเมล็ดงาสด มาบีบน้ำมันงาออก โดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนัง เพื่อบำรุงผิวพรรณ ให้ผุดผ่อง ช่วนประทินผิวให้นุ่มนวล ไม่หยาบกร้าน

3. แตงกวา (Cucumis sativas Linn.)
จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบัน มีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช้วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล

4. มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.)
ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสด นำมาพอกหน้า จะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้

5. ขมิ้นชัน (Curcuma Longa Linn.)
ในขมิ้น จะมีสาร Curcumin และมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัว เพื่อให้มีสีเหลืองทอง ใช้บำรุงผิว และช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด ได้อีกด้วย

6. น้ำผึ้ง (Apis dorsata)
ได้จากผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส ฟรุคโตส ขี้ผึ้ง อัลบูมินอยด์ ละอองเกสรดอกไม้ และฮอร์โมนเอสโตรเจน จำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้ง เป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ที่ให้ประโยชน์สูง และหาง่าย นอกจากนี้ ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม

7. มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn)
มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขาม จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบัน ได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่น และนมสดให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิว ให้นุ่มได้

สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวกาย
ผิวกาย จะเปล่งปลั่งนุ่มนวลไร้รอยกร้าน และรอยหมองคล้ำ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาหารการกิน การออกกำลังกาย และยังมีการถนอมผิว บำรุงผิวอีกหลายๆรูปแบบ สมุนไพรพื้นๆ ที่มีอยู่ทั่วๆไปเอามาใช้บำรุงผิว ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีจึงอยากบอกต่อ รับรองว่าผิวคุณจะสวยขึ้นแน่นอน

สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับเส้นผม
ทรงผม หรือเส้นผม เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นได้ สิ่งที่ควรคำนึงในหารดูแลเส้นผม ได้แก่ อาหารจำพวกโปรตีนที่ได้จากเนื้อ นม ไข่ ฯลฯ และวิตามิน A,C,E,B5 ที่ได้จากผลไม้ต่างๆและธัญพืช จำพวกถั่ว งา ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ฯล